เมนู

มหาวรรคที่ 5

1. โสตานุคตสูตร


ว่าด้วยอานิสงส์การฟังธรรม 4 ประการ


[191] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ 4 ประการแห่งธรรมทั้งหลาย
ที่บุคคลฟังเนือง ๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ อันบุคคล
พึงหวังได้ อานิสงส์ 4 ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ...เวทัลละ ธรรมเหล่านั้นเป็น
ธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนือง ๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ
เธอมีสติ หลงลืม เมื่อการทำกาละ ย่อมเขาถึงเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่ง
บทแห่งธรรมทั้งหลาย ย่อมปรากฏแก่เธอผู้มีความสุขในภพนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า
แต่สัตว์นั้นย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษ เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็น
อานิสงส์ประการที่ 1 แห่งธรรมทั้งหลายที่บุคคลฟังเนือง ๆ คล่องปาก ขึ้นใจ
แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ อันบุคคลพึงหวังได้.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ...เวทัลละ
ธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมอันภิกษุนั้นฟังเนือง ๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอด
ด้วยดีด้วยทิฏฐิ เธอมีสติหลงลืม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้าถึงเทพนิกาย
หมู่ใดหมู่ หนึ่ง บทแห่งธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏแก่เธอ ผู้มีความสุขอยู่ใน
ภพนั้นเลย แก่ภิกษุผู้มีฤทธิ์ ถึงความชำนาญแห่งจิต แสดงธรรมแก่เทพบริษัท
เธอมีความปริวิตกอย่างนี้ว่า ในกาลก่อนเราได้ประพฤติพรหมจรรย์ในธรรม-

วินัยใด นี้คือธรรมวินัยนั้น สติบังเกิดขึ้นช้า แต่ว่าสัตว์นั้นย่อมบรรลุคุณวิเศษ
เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้ฉลาดต่อเสียงกลอง เขาเดินทางไกล
ฟังได้ยินเสียงกลอง เขาไม่พึงมีความสงสัย หรือเคลือบแคลงว่า เสียงกลอง
หรือไม่ใช่หนอ ที่แท้เขาพึงถึงความตกลงใจว่า เสียงกลองทีเดียว ฉันใด
ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเล่าเรียนธรรม ฯลฯ ย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษ
เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นอานิสงส์ประการที่ 2 แห่งธรรมทั้งหลาย
ที่ภิกษุฟังเนือง ๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ อันบุคคล
พึงหวังได้.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเล่าเรียนธรรม คือสุตตะ...บทแห่งธรรม
ทั้งหลาย ย่อมไม่ปรากฏแก่เธอผู้มีความสุขอยู่ในภพนั้นเลย ทั้งภิกษุผู้มีฤทธิ์
ถึงความชำนาญแห่งจิต ก็ไม่ได้แสดงธรรมในเทพบริษัท แต่เทพบุตรย่อม
แสดงธรรมในเทพบริษัท เธอมีความคิดอย่างนี้ว่า ในกาลก่อนเราได้ประพฤติ
พรหมจรรย์ในธรรมวินัยใด นี้คือธรรมวินัยนั้นเอง สติบังเกิดขึ้นช้า แต่ว่า
สัตว์นั้นย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษ เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้ฉลาด
ต่อเสียงสังข์เขาเดินทางไกล พึงได้ฟังเสียงสังข์เข้า เขาไม่พึงมีความสงสัยหรือ
เคลือบแคลงว่า เสียงสังข์หรือมิใช่หนอ ที่แท้เขาพึงถึงความตกลงใจว่า เสียงสังข์
ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ ฯลฯ ย่อม
เป็นผู้บรรลุคุณวิเศษ เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นอานิสงส์ประการที่ 3
แห่งธรรมทั้งหลายที่ภิกษุฟังเนืองๆคล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ
อันบุคคลพึงหวังได้.
อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ...บทแห่ง
ธรรมทั้งหลาย ย่อมไม่ปรากฏแก่เธอผู้มีความสุขอยู่ในภพนั้นเลย แม้ภิกษุ

ผู้มีฤทธิ์ ถึงความชำนาญแห่งจิต ก็มิได้แสดงธรรมในเทพบริษัท แม้เทพบุตร
ก็ไม่ได้แสดงธรรมในเทพบริษัท แต่เทพบุตรผู้เกิดก่อนเตือนเทพบุตรผู้เกิด
ทีหลังว่า ท่านผู้นฤทุกข์ย่อมระลึกได้หรือว่า เราได้ประพฤติพรหมจรรย์ใน
กาลก่อน เธอกล่าวอย่างนี้ว่า เราระลึกได้ท่านผู้นฤทุกข์ ๆ สติบังเกิดขึ้นช้า
แต่ว่าสัตว์นั้นย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษ เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สหาย
ของคนเล่นฝุ่นด้วยกัน เขามาพบกัน บางครั้งบางคราว ในที่บางแห่ง สหาย
คนหนึ่ง พึงกล่าวกะสหายคนนั้นอย่างนี้ว่า สหาย ท่านระลึกกรรมแม้นี้ได้หรือ
เขาพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เราระลึกได้ เราละลึกได้ ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ย่อมเล่าเรียนธรรม ฯลฯ ย่อมเป็นผู้บรรลุคุณวิเศษ เร็วพลัน ดูก่อนภิกษุ-
ทั้งหลาย นี้เป็นอานิสงส์ประการที่ 4 แห่งธรรมทั้งหลายที่ภิกษุฟังเนือง ๆ
คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ อันบุคคลพึงหวังได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ 4 ประการนี้ แห่งธรรมทั้งหลายที่
ภิกษุฟังแล้วเนือง ๆ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ อันบุคคล
พึงหวังได้.
จบโสตานุคตสูตรที่ 1

มหาวรรควรรณนาที่ 5



อรรถกถาโสตานุคตสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในโสตานุคตสูตรที่ 1 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า โสตานุคตานํ ความว่า ธรรมที่บุคคลเงี่ยโสตประสาทฟัง
แล้วกำหนดด้วยโสตญาณ. บทว่า จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา ความว่า
คุณานิสงส์ 4 ประการ พึงหวังได้. ก็สูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภ
ด้วยอำนาจอัตถุปปัตติ เหตุเกิดเรื่อง. ถามว่า ด้วยอำนาจเหตุเกิดเรื่องอะไร.
ตอบว่า ด้วยอำนาจเหตุเกิดเรื่อง คือ การที่ภิกษุทั้งหลายไม่เข้าไปฟังธรรม.
ได้ยินว่า พวกพราหมณ์ 500 บวชแล้ว ไม่ไปฟังธรรมด้วยคิดว่า พระ-
สัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตรัสแต่ลิงค์ วจนะ วิภัติ บท และพยัญชนะเป็นต้น
จักตรัสแต่ข้อที่พวกเรารู้แล้วทั้งนั้น ข้อที่เรายังไม่รู้ จักตรัสอะไรได้ ดังนี้ .
พระศาสดาได้สดับเรื่องนั้นแล้ว จึงให้เรียกพราหมณ์ที่บวชเหล่านั้นมาแล้ว
ตรัสว่า เพราะอะไร พวกเธอจึงทำอย่างนี้ พวกเธอจงฟังธรรมโดยความเคารพ
เมื่อฟังธรรมโดยความเคารพ และสาธยายธรรม อานิสงส์เหล่านี้ เท่านี้เป็น
หวังได้ดังนี้ เมื่อทรงแสดงจึงเริ่มเทศนานี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธมฺมํ ปริยาปุณาติ ความว่า ภิกษุ
ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ บาลี ซึ่งเป็นนวังคสัตถุศาสน์คำสอนของพระศาสดา
มีองค์ 9 มีสุตตะ เคยยะเป็นอาทิ. บทว่า โสตานุคตา โหนฺติ ความว่า
ธรรมเหล่านั้นก็ย่อมตามไปเข้าโสตเนือง ๆ. บทว่า มนสานุเปกฺขิตา
ได้แก่ ตรวจดูด้วยจิต. บทว่า ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธา ความว่า รู้ทะลุ
ปรุโปร่งดี คือทำให้แจ่มแจ้งด้วยปัญญาทั้งโดยผล ทั้งโดยเหตุ. พระพุทธพจน์
บทว่า มุฏฺฐสฺสติ กาลํ กุรุมาโน นี้ มิใช่ตรัส เพราะไม่มีสติระลึกถึง